เคยคิดถึงช่วงเวลาที่กินอาหารได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นไหม? ในเมื่อตอนนี้เพียงแค่คิดจะกินเค้กสักคำหนึ่งก็ทำให้คุณต้องคิดหนักถึงปริมาณแคลอรีที่จะเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าอาหารและวิถีชีวิตของคุณมีบทบาทสำคัญในการควบคุมน้ำหนักแต่ความลับในการมีรูปร่างดีอาจถูกซ่อนอยู่ในกระบวนการทางชีวภาพที่เรียกว่า “การเผาผลาญ (Metabolism)”

การเผาผลาญ (Metabolism) คืออะไร ?

            การเผาผลาญเป็นกระบวนการทางชีวเคมีที่ร่างกายของคุณจะแปลงสิ่งที่คุณกินเป็นพลังงาน ในระหว่างกระบวนการที่ซับซ้อนนี้แคลอรีจากอาหารและเครื่องดื่มจะถูกรวมเข้ากับออกซิเจนเพื่อปลดปล่อยพลังงานที่ร่างกายต้องใช้เพื่อการทำงาน กระบวนการของการเผาผลาญอาหารจะยังคงเกิดขึ้นแม้ว่าร่างกายอยู่ในช่วงพักเนื่องจากต้องใช้พลังงานสำหรับกระบวนการที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น การหายใจ ,การไหลเวียนโลหิต ,การปรับระดับฮอร์โมนและการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ จำนวนแคลอรีที่ร่างกายใช้เพื่อทำหน้าที่เหล่านี้เรียกว่าอัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐานซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า การเผาผลาญอาหารหรือ Metabolism

            มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่ออัตราการเผาผลาญของแต่ละบุคคลเช่น องค์ประกอบของร่างกาย (ไขมันและกล้ามเนื้อ) เพศและอายุ

การเผาผลาญจะเปลี่ยนสิ่งที่คุณกินไปเป็นพลังงาน

อายุมีผลต่อการเผาผลาญอย่างไร?

            มีความเชื่อว่าความสามารถในการเผาผลาญของร่างกายจะอยู่ที่จุดสูงสุดเมื่ออยู่ในช่วงวัยรุ่นหรือวัย 20 ต้น ๆ และมีแนวโน้มลดลงตามอายุ ในวัย 25 ปี ร่างกายยังคงสร้างกระดูกและเผาผลาญแคลอรีได้เป็นจำนวนมากแต่เมื่อถึงวัย20 ปลาย ผู้หญิงหลายคนสังเกตเห็นว่าพวกเธอไม่สามารถกินอาหารเหมือนกับที่เคยกินได้ อีกทั้งการควบคุมน้ำหนักและลดน้ำหนักก็ทำไม่ได้ง่ายๆเหมือนที่เคยเป็นมา ทั้งนี้เป็นเพราะการสูญเสียกล้ามเนื้อตามธรรมชาติโดยเฉพาะในวัย 30 ที่อัตราการเผาผลาญช้าลงและร่างกายมีแนวโน้มจะสูญเสียกล้ามเนื้อและสะสมไขมันได้ง่าย

            Rupali Datta ที่ปรึกษาทางด้านโภชนาการอธิบายว่าเมื่ออายุมากขึ้น อัตราการเผาผลาญพลังงานจะค่อยๆลดลง กล้ามเนื้อซึ่งเป็นส่วนที่ใช้พลังงานสูงสุดในร่างกายเริ่มถูกแทนที่ด้วยเนื้อเยื่อไขมันที่เป็นตัวชะลออัตราการเผาผลาญของร่างกายและลดการใช้พลังงานในระหว่างการออกกำลังกายลงทำให้ร่างกายมีอัตราการเผาผลาญที่ลดลง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับการเผาผลาญอาหารที่ช้าลงของร่างกายได้

            การชะลอตัวของการเผาผลาญเป็นกระบวนการทางสรีรวิทยา เพราะกระบวนการเผาผลาญเป็นพลังงานขั้นต่ำที่สุดที่ร่างกายมี มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้หญิงอินเดียประสบกับภาวะอัตราการเผาผลาญชะลอตัวครั้งแรกเมื่ออายุ 30 ครั้งที่สองคือวัย 40 และ ครั้งที่สามเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน ในขณะที่ผู้ชายอินเดียประสบกับภาวะอัตราการเผาผลาญชะลอตัวครั้งแรกเมื่ออายุ 40 ดังนั้นคำถามที่สำคัญไม่ใช่การถามว่าจะรักษาอัตราการเผาผลาญของร่างกายให้คงที่ได้อย่างไรแต่คือคำถามที่ว่าคุณจะสามารถยืดเวลาได้อย่างไรซึ่งทั้งหมดนี้คำตอบที่ถูกต้องก็คือการควบคุมอาหาร

            ดร. Anju กล่าวเพิ่มเติมว่าอาหารอินเดียทั่วไปมีโปรตีนต่ำซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นที่สุดสำหรับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่แข็งแรง คนๆหนึ่งไม่สามารถคาดหวังที่จะเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายถ้ามีมวลกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ ข้อบกพร่องที่สำคัญอีกประการหนึ่งในอาหารของเราคือปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูงและอาหารที่อุดมด้วยไขมัน ดังนั้นเราจึงควรกินอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนและคาร์โบไฮเดรเชิงซ้อน คุณสามารถเสริมอาหารจำพวก คีนัว,ผักคะน้า ,กะหล่ำปลีและผักใบเขียวอื่น ๆ พร้อมกับปลา,เนื้อสัตว์ปีกและนมเพื่อให้ได้รับปริมาณโปรตีนที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ยังต้องออกกำลังกายเป็นประจำและ การออกกำลังกายประเภทฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก็ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของคุณได้

            Shilpa Arora นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพมีคำแนะนำที่สำคัญเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำเพื่อรักษาอัตราการเผาผลาญของร่างกายไม่ให้ลดลงเร็วเกินไป

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

แบ่งอาหารให้เป็นมื้อเล็กๆ

กินอาหารเป็นช่วงเวลา

กินอาหารที่มีสารช่วยปรับสมดุลในร่างกายเช่น โสมอินเดียหรือใบตุลซี(กะเพรา)

ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆรวมทั้งน้ำมะนาวด้วย

กินเต้าหู้และ kefir ที่ช่วยทำความสะอาดลำไส้ที่จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายได้เป็นอย่างดี

การรักษาน้ำหนักเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในระยะยาว แต่เพียงแค่ปฏิบัติตามเคล็ดลับง่ายๆเหล่านี้คุณจะมีรูปร่างดีและมีสุขภาพดีอยู่เสมอ

Reference

13. Why It Becomes Tough to Lose Weight As You Age

http://food.ndtv.com/health/why-it-becomes-tough-to-lose-weight-as-you-age-1710216